พยาธิเม็ดเลือด เป็นโรคที่สำคัญในโคกระบือ เนื่องจากเมืองไทยเป็นเขตร้อนชื้น มีพาหะชุกชุม ได้แก่เห็บ เหลือบ รวมทั้งการติดต่อทางเข็มฉีดยา พยาธิเม็ดเลือดเกิดจากสัตว์เซลล์เดียว(โปรโตซัว)
โดยอาศัยและก่อโรคในกระแสโลหิตหรือเม็ดเลือด มีความรุนแรงและอันตรายกว่าพยาธิในทางเดินอาหาร(อาจเป็นเพราะว่าการถ่ายพยาธิทั่วไป ผู้เลี้ยงมักจะปฏิบัติต่อเนื่องกว่าเป็นโปรแกรม)
พยาธิเม็ดเลือดหลักๆที่พบในเมืองไทย ได้แก่
1.ทริปพาโนโซม (Trypanosome)
2.บาบีเซีย (Babesia)
3.อะนาพลาสม่า (Anaplasma)
4.ไธเลอเรีย(Theileria)
อาการส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน ได้แก่ โลหิตจาง มีไข้สูง แท้งลูก เยื่อเมือกซีดหรือออกเหลือง อ่อนแอ หายใจหอบหรือแรง เดินไม่ทันฝูง ลุกยาก ผอม กินอาหารลดลง ไม่เป็นสัด
อาการที่จำเพาะก็มีบ้าง แต่ไม่เสมอไป เช่น
-ทริปพาโนโซม จะมีการรบวมน้ำที่คาง
-บาบีเซีย จะปัสสาวะเป็นสีน้ำโค้ก
-ไธเลอเรีย ขาหลังอ่อนแรง ต่อมน้ำเหลืองบวมโต
ซึ่งวิธีการวินิจฉัยว่าวัวควายของเราเป็นพยาธิเม็ดเลือดชนิดไหน คือต้องเจาะเลือด(ใส่ขวดที่มีEDTA ป้องกันเลือดแข็งตัว) ส่งห้องแล็บ ตามมหาวิทยาลัยหรือศูนย์วิจัยของกรมปศุสัตว์
ซึ่งฟาร์มทั่วไป หรือเกษตรกร ค่อนข้างจะประสบปัญหาในทางปฎิบัติ
เอาแบบง่ายก่อนก็ได้ครับ
การป้องกัน 1.ป้องกันและกำจัดพาหะ อันได้แก่ เห็บ และ เหลือบ
2.หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาซ้ำ รวมทั้งถุงมือล้วงตรวจทางทวารหนัก
การวินิจฉัยแบบเบื้องต้น เมื่อสงสัยว่าวัวป่วยเป็นพยาธิเม็ดเลือด
1.ให้แหวกเปิดจิ๋มดูว่า เยื่อเมือกมีสีซีดหรือออกเหลืองกว่าปรกติมั้ย โดยลองเปรียบเทียบกับวัวตัวที่แข็งแรงปรกติ
2.วัดไข้โดยใช้ปรอท วัดทางทวารหนัก
เมื่อพบว่า เยื่อเมือกมีสีซีดกว่าปรกติหรือสีออกเหลือง และมีไข้( สูงกว่า38.5องศาเซลเซียส) ก็ควรตั้งข้อสงสัยว่าเป็นพยาธิเม็ดเลือด
แนวทางการรักษา
1.ทริปพาโนโซม รักษาโดยใช้ โนวาบาบี หรือ เบเรนิล
2.บาบีเซีย รักษาโดยใช้ โนวาบาบี หรือ เบเรนิล
3.อะนาพลาสม่า รักษาโดยใช้ อ็อกซี่เตตร้าไซคลิน
4.ไธเลอเรีย รักษาโดยใช้ Buparvaquone
โดยความคิดเห็นของผู้เขียน เนื่องจากหลายท่านไม่สะดวกเจาะเลือดส่งตรวจ การรักษาจึงต้องดูจากข้อมูลการระบาดประกอบ
รวมทั้งมักพบการติดพยาธิเม็ดเลือดหลายตัวพร้อมกันได้บ่อย(รุมกินโต๊ะ)
แนวทาง คือ
1.ใช้โนวาบาบี และอ็อกซี่เตตร้าไซคลิน เพื่อรักษาพยาธิเม็ดเลือด3ตัวแรก(ทริปพาโนโซม บาบีเซีย และอนาพลาสม่า) เพราะพบบ่อยกว่า และยาหาง่ายกว่า
2. กรณีที่ลองรักษาตามข้อ1ไปแล้ว ไม่ดีขึ้นหรือไม่หายขาด เราค่อยมารักษาพยาธิเม็ดเลือดกลุ่มที่4 (ไธเลอเรีย). โดยใช้ยาBuparvaquone ซึ่งหายากหน่อย แต่หาได้
3.บางสถานการณ์ ผู้เขียนเคยรักษาตามข้อ1และ2 พร้อมกัน (ประสบการณ์ครับ)
การให้ยาป้องกันในวัวควายที่ปรกติมักไม่นิยมทำกัน นอกจากฝูงจะมีการระบาดมากชัดเจน
ลองศึกษาดูครับ หากสงสัยสามารถสอบถามได้